8 ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ

ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจส่งลูกไปเรียนต่างประเทศการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของครอบครัว ที่จะเปิดโอกาสให้ลูกได้พัฒนาทั้งด้านการศึกษา ทักษะภาษา และประสบการณ์ชีวิต แต่ก่อนจะตัดสินใจส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ มีหลายสิ่งที่ผู้ปกครองควรพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อให้การเรียนต่อต่างประเทศของลูกเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ประโยชน์สูงสุด

8 ข้อควรรู้ ก่อนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ

การเตรียมความพร้อมก่อนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ มัธยม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทั้งผู้ปกครองและลูกมั่นใจว่าพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา

1. ความสมัครใจของลูก

ก่อนตัดสินใจส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือการพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นของลูก เพราะความสำเร็จในการเรียนต่อต่างประเทศขึ้นอยู่กับความพร้อมและความตั้งใจของตัวลูกเอง ผู้ปกครองควรให้ลูกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ตั้งแต่การเลือกประเทศ โรงเรียน และที่พัก รวมถึงควรประเมินว่าลูกมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะใช้ชีวิตในต่างแดนหรือไม่ เพราะการไปเรียนต่างประเทศต้องอาศัยความรับผิดชอบและการปรับตัวสูง

2. การปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ

ทักษะภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการไปเรียนต่างประเทศ ผู้ปกครองควรส่งเสริมให้ลูกฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน โดยอาจเริ่มจากการเรียนพิเศษ ดูหนังฟังเพลงภาษาอังกฤษ หรือพูดคุยกับชาวต่างชาติ

3. ประเทศและเมืองที่ใช่

การเลือกประเทศสำหรับการไปเรียนต่างประเทศนั้น ต้องพิจารณาหลายปัจจัย ทั้งระบบการศึกษา ค่าครองชีพ ความปลอดภัย และวัฒนธรรมที่แตกต่าง ประเทศยอดนิยมสำหรับการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ มัธยม ได้แก่ อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ละประเทศมีจุดเด่นและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและเลือกให้เหมาะกับลูก

ประเทศและเมืองที่ใช่4. สถานศึกษาที่ต้องการ

การเลือกโรงเรียนต่างประเทศที่เหมาะสมเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ควรพิจารณาหลักสูตรการเรียนการสอน ชื่อเสียงของสถาบัน สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมเสริมหลักสูตร นอกจากนี้ยังต้องดูเรื่องที่ตั้ง การเดินทาง และสภาพแวดล้อมโดยรอบ บางโรงเรียนอาจมีโปรแกรมพิเศษสำหรับนักเรียนต่างชาติ เช่น คลาสปรับพื้นฐานภาษา หรือกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

5. ประเภทที่พักอาศัย

เรื่องที่พักอาศัยมีให้เลือก 2 แบบหลัก ๆ คือ หอพักในโรงเรียนและโฮมสเตย์ 

  • หอพัก เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการความเป็นอิสระและต้องการใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงเรียน มีเพื่อนและกิจกรรมให้ทำตลอด มีข้อดีตรงที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษา ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวก
  • โฮมสเตย์ เหมาะกับน้อง ๆ ที่ต้องการสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ได้ฝึกภาษาและปรับตัวเข้ากับโฮสแฟมิลี่ 

ทั้งสองแบบมีข้อดีต่างกัน ควรเลือกตามความเหมาะสมและความต้องการของลูก

6. งบประมาณ

การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ นอกจากค่าเล่าเรียนแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าประกันสุขภาพ และค่าใช้จ่ายส่วนตัว เป็นต้น 

อย่างค่าเทอมโรงเรียนมัธยมส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่ากินค่าอยู่ เฉลี่ยอยู่ที่ 5,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าครองชีพ ดังนั้น ควรวางแผนงบประมาณให้ครอบคลุมตลอดระยะเวลาการศึกษา รวมถึงเผื่องบฉุกเฉินไว้ด้วย นอกจากนี้อาจพิจารณาหาทุนการศึกษาหรือโครงการแลกเปลี่ยนเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย

งบประมาณ7. เอกสารที่ต้องใช้

การเตรียมเอกสารสำหรับการไปเรียนต่างประเทศต้องทำอย่างรอบคอบและครบถ้วน เอกสารพื้นฐานที่ต้องเตรียม ได้แก่ 

  • หนังสือเดินทาง
  • ผลการเรียน
  • ผลสอบภาษาอังกฤษ 
  • หลักฐานการศึกษาจากสถาบันเดิมและปัจจุบัน
  • จดหมายรับรองจากอาจารย์ หรือผู้อำนวยการโรงเรียน หรืออธิการ

บางประเทศอาจต้องการเอกสารเพิ่มเติม เช่น ประกันสุขภาพ หรือหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง แนะนำให้สอบถามกับสถานศึกษา และควรเตรียมเอกสารล่วงหน้าเพื่อให้มีเวลาแก้ไขหากมีปัญหา

8. การขอวีซ่า

การขอวีซ่านักเรียนเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องและรอบคอบ แต่ละประเทศมีข้อกำหนดและระยะเวลาในการพิจารณาวีซ่าที่แตกต่างกัน ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน โดยเฉพาะหลักฐานทางการเงินและจดหมายตอบรับจากสถานศึกษา ควรยื่นขอวีซ่าล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือนก่อนเปิดเทอม เพื่อเผื่อเวลาในกรณีที่ต้องแก้ไขหรือเพิ่มเติมเอกสาร

ส่งลูกเรียนต่างประเทศต้องเตรียมตัวอย่างไร?

ส่งลูกเรียนต่างประเทศต้องเตรียมตัวอย่างไรแล้วการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ต้องเตรียมอะไรบ้าง? เรามี 5 ขั้นตอนที่ผู้ปกครองควรดำเนินการมาฝากกัน

  • การเตรียมความพร้อมด้านภาษา ต้องฝึกฝนให้ลูกสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับที่ใช้งานได้จริง ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน พร้อมทั้งเตรียมสอบวัดระดับภาษาที่เป็นที่ยอมรับ
  • การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากอายุและวุฒิภาวะของลูก ช่วงอายุ 11 (Year 7) – 13 (Year 9) ปี ถือเป็นช่วงที่เหมาะสม เพราะลูกสามารถปรับตัวได้ดีและมีเวลาพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้เต็มที่
  • การทดลองเรียนระยะสั้น อาจส่งลูกไปเรียนภาคฤดูร้อนก่อน เพื่อให้ลูกได้ลองปรับตัวและสัมผัสประสบการณ์จริง เป็นการประเมินความพร้อมก่อนตัดสินใจเรียนระยะยาว
  • การวางแผนการสมัครและกำหนดการ ต้องติดตามข้อมูลการรับสมัครของสถานศึกษาอย่างใกล้ชิด เตรียมเอกสารให้พร้อม และยื่นใบสมัครตามกำหนดเวลา
  • การวางแผนการเงิน ต้องประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดหลักสูตร รวมถึงค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน และอาจหาข้อมูลเรื่องทุนการศึกษาเผื่อไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถสนับสนุนการเรียนของลูกได้จนจบหลักสูตร

เลือกเรียนต่างประเทศที่ไหนดี?

หลายครอบครัวไม่แน่ใจว่า ควรเลือกเรียนต่างประเทศที่ไหนดี? การตัดสินใจเลือกประเทศสำหรับการไปเรียนต่างประเทศนั้น ควรพิจารณาให้รอบด้านเพื่อให้เหมาะสมกับลูกมากที่สุด ดังนี้

  • ระบบการศึกษาและมาตรฐาน ต้องพิจารณาว่าระบบการศึกษาของประเทศนั้นเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีหลักสูตรที่เหมาะสมกับลูก และสามารถเทียบโอนกลับมาเรียนต่อในไทยได้
  • ค่าครองชีพและค่าใช้จ่าย แต่ละประเทศมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ต้องประเมินทั้งค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อวางแผนการเงินให้เหมาะสม
  • สภาพแวดล้อมและความปลอดภัย ควรเลือกประเทศและเมืองที่มีความปลอดภัยสูง มีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวก และมีสภาพอากาศที่ลูกสามารถปรับตัวได้
  • ภาษาและวัฒนธรรม พิจารณาว่าลูกจะสามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตในประเทศนั้นได้หรือไม่ รวมถึงโอกาสในการพัฒนาทักษะภาษา
  • โอกาสในอนาคต มองถึงโอกาสในการศึกษาต่อระดับสูงขึ้น หรือโอกาสในการทำงานในอนาคต หากลูกต้องการศึกษาต่อหรือทำงานในประเทศนั้น

สรุปบทความ

การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศเป็นการลงทุนที่สำคัญทั้งด้านการศึกษาและประสบการณ์ชีวิต การเตรียมความพร้อมในทุกด้านจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งการพัฒนาทักษะภาษา การเลือกประเทศและสถานศึกษาที่เหมาะสม การวางแผนการเงิน และการเตรียมเอกสารต่าง ๆ

แต่ถ้าผู้ปกครองท่านไหนยังไม่แน่ใจ CETA พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลทุกขั้นตอนของการไปเรียนต่อมัธยมในต่างประเทศ ตั้งแต่การสมัครเรียน ทำวีซ่า หาที่พัก และให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ ตลอดจนจบการศึกษา ให้การเรียนต่อต่างประเทศของลูกเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ประโยชน์สูงสุด

CETA เป็นผู้เชี่ยวชาญโครงการ Summer Course โครงการ Short-term และการศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาที่ต่างประเทศ พร้อมประสบการณ์ในวงการศึกษาต่อต่างประเทศมากกว่า 22 ปี สอบถามรายละเอียดโครงการต่าง ๆ จาก CETA ได้ที่